โรคลำไส้แปรปรวนเป็นโรคที่พบได้บ่อยในไทย เพราะความหลากหลายทางอาหารในบ้านเราทำให้ผู้คนมักนิยมเป็นโรคนี้กันเยอะ ซึ่งวิธีแก้ลําไส้แปรปรวน นั้นทำได้ไม่ยากเลย แต่เราต้องรู้จักกับที่มาและต้นตอของโรคนี้กันก่อน โดยโรคลำไส้แปรปรวนคือ โรคที่เกี่ยวกับการทำงานผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร โดยมุ่งไปที่ลำไส้เพียงอย่างเดียว โดยที่อวัยวะส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารจะยังทำงานอย่างปกติ และไม่มีพยาธิหรือเชื้อโรคใดๆ เกี่ยวข้อง ซึ่งสาเหตุหลักของโรคนี้อาจจะยังไม่มีที่มาแน่ชัดเท่าที่ควร
แต่ก็อาจจะมาจาก 3 สาเหตุสำคัญได้แก่ การเคลื่อนตัวหรือบีบตัวของลำไส้มีความผิดปกติ ซึ่งสาเหตุดังกล่าวทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย และท้องผูก ต่อมาคือระบบของผนังลำไส้ถูกกระตุ้นมากเกินไป เมื่อผนังลำไส้เกิดมีความไวต่อสิ่งเร้าหรือถูกกระตุนมากเกินไปอาจจะทำให้มีอาการท้องเสียและปวดท้องตามมาหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ นอกจากนี้แล้ว ความเครียดหรือการเปลี่ยนแปลงทางภาวะอารมณ์ยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการนี้มากขึ้นด้วย
เมื่อเราเป็นโรคลำไส้แปรปรวน ควรรักษาอย่างไร
ถ้าหากว่าเราเป็นโรคลำไส้แปรปรวน วิธีการรักษาหรือบรรเทาอาการขั้นแรกเพื่อให้เรายังใช้ชีวิตได้ตามปกติให้ได้มากที่สุด คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับปะรทานอาหาร อาทิเช่น รับประทานอาหารที่สุก ทานอาหารที่มีส่วนผสมของเส้นใยอาหาร ประเภทผักและผลมไม้มากขึ้น เช่น แอปเปิล กล้วย แครอท ต่อมาคือหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่รสจัดจ้าน และอาหารประเภทแป้งที่ย่อยยาก เพื่อลดแก๊สในท้อง และลดอาการท้องอืดเช่น นม ถั่ว รวมถึงอาหารแปรรูปต่างๆ วิธีแก้ลําไส้แปรปรวนต่อมาคือ รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อและให้ตรงเวลา เขี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน และพยายามดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วเป็นอย่างต่ำ ข้อสุดท้ายคือ ออกกำลังกายเป็นประจำ เล่นกีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาแบบลู่ หรือกีฬาในร่มอื่นๆ เพื่อช่วยผ่อนคลายความเครียด
สรุปวิธีแก้โรคลำไส้ ไม่ใช่แค่การทานอาหารอย่างเดียว
บางคนอาจจะคิดว่าการที่เราเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร จำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเช่น รับประทานอาหารอ่อนๆ ก่อน พอหายแล้วค่อยกลับไปทานอาหารแบบปกติ ซึ่งความคิดแบบนี้ถูกปลูกฝังมานาน ดังนั้นทุกคนเลยอาจจะยังไม่ทราบว่าวิธีแก้ลําไส้แปรปรวน นั้นเกี่ยวข้องกับการทำภาวะอารมณ์และความแข็งแรงของสุขภาพด้วย เพราะที่มาและสาเหตุของการเกิดโรคนี้ไม่ได้มีเพียงเรื่องอาหารอย่างเดียว แต่ชีวิตประจำวันของเราก็มีส่วน ดังนั้น ลองปรับเปลี่ยนการทานอาหารสักเล็กน้อย ออกกำลังกายให้มากขึ้น ดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเป็นอย่างต่ำ ก็จะทำให้ห่างไกลจากโรคนี้ได้
